
ในกรณีที่เป็นโพรงจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ ผู้ป่วยมักจะมีอาการคัดจมูก หายใจไม่สะดวก ทำให้มีอาการนอนหลับไม่สนิท ส่งผลทำให้ตอนเช้ามีอาการง่วงนอน ไม่กระฉับกระเฉง ความจำหรือสมาธิไม่ดี มีผลต่อการเรียนและการงานได้ และในเด็กจะมีผลต่อการเจริญเติบโตได้ นอกจากนี้ยังมีผลต่อบุคลิกภาพ และคุณภาพชีวิตด้วย ส่วนในกรณีที่เป็นโรคหืด ผู้ป่วยอาจมีอาการหอบกำเริบรุนแรง จนเสียชีวิตได้ เช่นเดียวกับผู้ป่วยที่แพ้อาหาร ก็อาจมีอาการรุนแรงจนถึงขั้นเสียชีวิตได้
หลักการดูแลผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ คือ ควบคุมสิ่งแวดล้อมและสารก่อภูมิแพ้ ซึ่งได้มีการสำรวจผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ในประเทศไทยพบว่า มักจะแพ้ไรฝุ่น ฝุ่นบ้าน เป็นอันดับหนึ่ง รองลงมาได้แก่ แมลงสาบ ละอองเกสรพืช และขนสัตว์ ถ้าทำได้ แพทย์จะแนะนำให้ทำการทดสอบผิวหนังในผู้เป็นโรคภูมิแพ้ทุกคน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เกิดความชัดเจนว่าแพ้อะไร จะได้หลีกเลี่ยงได้ถูกต้อง และยังใช้เป็นแนวทางในการพิจารณาทำการรักษาด้วยการฉีดวัคซีนอีกด้วย
อีกวิธีหนึ่งคือให้การรักษาด้วยยา เราอาจแบ่งการรักษาโรคภูมิแพ้ออกได้เป็น 2 ระดับเพื่อความเข้าใจง่ายๆ
1. ยาบรรเทาอาการต่าง ๆ เช่น ยาแก้แพ้ หรือยาต้านฮิสตามีน (Antihistamine) และยาขยายหลอดลม ยาต้านการอักเสบ เช่น ยาสเตียรอยด์พ่นจมูก หรือสูดทางปาก
2. การใช้วัคซีนภูมิแพ้ เป็นการรักษาโดยการฉีดสารก่อภูมิแพ้ที่ผู้ป่วยแพ้เข้าไปในร่างกายเริ่มจากปริมาณน้อย ๆ และเพิ่มปริมาณขึ้นเรื่อย ๆ จนร่างกายเกิดความชินต่อสารก่อภูมิแพ้นั้น ซึ่งผู้ป่วยที่ควรรับการรักษาโดยวิธีฉีดวัคซีนภูมิแพ้คือ ผู้ป่วยที่รักษาด้วยยาแล้วไม่ดีขึ้น หรือมีผลข้างเคียงจากการใช้ยา โดยก่อนจะเลือกรักษาด้วยการฉีดวัคซีน จำเป็นต้องทราบก่อนว่าแพ้อะไร เพื่อจะได้นำสารที่แพ้มาฉีดเป็นวัคซีน ซึ่งการรักษาโดยวิธีนี้ควรทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง และผู้ป่วยต้องรับการรักษาอย่างต่อเนื่องตามแพทย์แนะนำอย่างน้อย 3 – 5 ปี
พญ. อรสุรีย์ กล่าวทิ้งท้ายว่า “สิ่งสำคัญในการดูแลตนเองเมื่อเป็นโรคภูมิแพ้ คือหลีกเลี่ยงสิ่งที่แพ้ การใช้ยาตามแพทย์แนะนำ พักผ่อนให้เพียงพอ และออกกำลังกายตามอย่างสม่ำเสมอ หากผู้ป่วยมีอาการมากขึ้น หรือใช้ยาแล้วไม่ได้ผลดี ควรรีบไปพบแพทย์ก่อนถึงวันนัดหมาย ซึ่งโรคภูมิแพ้นี้ควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทางเพื่อหาสาเหตุว่ามีอะไรแทรกซ้อนหรือไม่ และปรับการรักษาให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคล”
*********************************************************************************
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ :
คลินิกกุมารเวช ชั้น 3 โรงพยาบาลกรุงเทพหัวหิน โทร. 032-616-883