เจ็บแน่นอก แบบไหน? เสี่ยงเป็นโรคหัวใจ
คุณเคยรู้สึกเจ็บหน้าอก หายใจไม่อิ่ม เจ็บแน่นคล้ายมีอะไรมากดทับที่หน้าอกมั้ยคะ? แล้วคุณเคยสงสัยมั้ยว่าเจ็บหน้าอกแบบไหน ที่เสี่ยงจะเป็นโรคหัวใจ หรือเจ็บแค่ไหนจึงควรรีบมาโรงพยาบาล  นพ. กลย์พัฒนชาญฬ์ พงศ์หัตถกิจ อายุรแพทย์โรคหัวใจและหลอดเลือด (Interventional Cardiologist) ประจำศูนย์หัวใจ โรงพยาบาลกรุงเทพหัวหิน จะมาแนะนำวิธีการสังเกตอาการ และการรับมือกับโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ และโรคหัวใจขาดเลือด ให้คุณได้ดูแลตัวเองและคนที่คุณรัก ให้มีสุขภาพหัวใจที่แข็งแรง นพ. กลย์พัฒนชาญฬ์ กล่าวว่า ภาวะเจ็บหน้าอกเฉียบพลันอาจเกิดอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น โรคที่เกิดจากระบบทางเดินหายใจ ทางเดินอาหาร กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ ไปจนถึงสาเหตุที่สำคัญ คือ ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดจากหลอดเลือดหัวใจตีบตัน ซึ่งเป็นอันตรายถึงชีวิต

3 สัญญาณอันตรายจากภาวะหัวใจขาดเลือด

  1. อาการเจ็บแน่นหน้าอกระหว่างราวนม ลิ้นปี่ คล้ายมีอะไรบีบรัดหรือกดทับ อาจเป็นเวลาออกแรง หรือเจ็บแบบไม่เคยเป็นมาก่อนก็ได้
  2. อาจเจ็บร้าวไปที่คอ กราม แขนซ้ายด้านใน
  3. อาจมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น เหงื่อออก ตัวเย็น เวียนศีรษะ หน้ามืด เหนื่อยหอบ นอนราบไม่ได้ ใจสั่น
อาการเหล่านี้เป็นลักษณะเฉพาะของโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด หรือกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันที่เป็นผลจากภาวะหลอดเลือดหัวใจตีบตัน เมื่อหลอดเลือดหัวใจตีบตัน กล้ามเนื้อหัวใจจะตายในเวลาอันรวดเร็ว ภายใน 6 ชั่วโมง ถ้ากล้ามเนื้อหัวใจตายเป็นบริเวณกว้าง จะทำให้เกิดภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน หัวใจวายเฉียบพลัน หัวใจเต้นผิดจังหวะ และเสียชีวิตได้ โดย 30% เสียชีวิตก่อนถึงโรงพยาบาล และ 15 – 30% เสียชีวิตในโรงพยาบาล วิธีรับมือกับอาการเจ็บแน่นหน้าอกเฉียบพลัน หากเกิดอาการเจ็บแน่นหน้าอก ที่มีสัญญาณอันตรายจากภาวะหัวใจขาดเลือด ญาติหรือคนใกล้ชิดควรรีบพามาโรงพยาบาลโดยเร็ว จะทำให้ผู้ป่วยได้รับการตรวจวินิจฉัย และการรักษาที่รวดเร็ว ทันเวลา โดยทีมแพทย์เฉพาะทางโรคหัวใจที่เชี่ยวชาญ พร้อมอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ทันสมัย ตลอดจนทีมบุคลากรทางการแพทย์ที่มีการปฏิบัติการอย่างเป็นขั้นตอนและมีประสิทธิภาพ ซึ่งแพทย์จะรักษาโดยการเปิดหลอดเลือดหัวใจทันที เพื่อให้กล้ามเนื้อหัวใจเสียหายน้อยที่สุด ลดอัตราการเสียชีวิตและภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ ผู้ที่มีความเสี่ยงในการเกิดภาวะหลอดเลือดหัวใจตีบตัน
  • ผู้ที่มีความเสี่ยงสูง ได้แก่ ผู้ชายอายุ 40 ปีขึ้นไป และผู้หญิงอายุมากกว่า 55 ปีขึ้นไป
  • มีโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง
  • สูบบุหรี่ เครียด ขาดการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
  • มีประวัติคนในสมาชิกครอบครัวที่เป็นโรคหลอดเลือดหัวใจ
การตรวจสำหรับผู้ที่มีอาการเจ็บหน้าอก
  1. ในรายที่เจ็บหน้าอกเรื้อรัง และตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจปกติ อาจตรวจเพิ่มเติมโดยการเดินสายพาน หรือ ตรวจคลื่นสะท้อนหัวใจ (Echocardiogram)
  2. ในรายที่เจ็บหน้าอกเฉียบพลัน คลื่นไฟฟ้าหัวใจผิดปกติ ควรตรวจรักษาด้วยการฉีดสีหลอดเลือดหัวใจทันที หรือภายใน 72 ชั่วโมง
การรักษาเพื่อเปิดหลอดเลือดหัวใจที่ตีบหรือตัน มีหลายวิธี
  • การให้ยาละลายลิ่มเลือด ภายใน 30 นาที หลังผู้ป่วยมาถึงโรงพยาบาล – วิธีนี้มีโอกาสเปิดหลอดเลือดได้ 50 – 70 %
  • การขยายหลอดเลือดหัวใจด้วยบอลลูน ภายใน 90 นาที หลังผู้ป่วยมาถึงโรงพยาบาล – วิธีนี้มีโอกาสเปิดหลอดเลือดได้สูง 90 – 99 %
  • การผ่าตัดทำทางเบี่ยงหลอดเลือดหัวใจ หรือที่รู้จักกันว่า “การทำบายพาส” – จะทำได้หลังจากฉีดสีหลอดเลือดก่อน ถ้าพบว่าตีบหลายเส้น และไม่ได้ตันเฉียบพลัน จึงจะเป็นทางเลือกในการรักษา
นพ. กลย์พัฒนชาญฬ์  ยังได้อธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับการตรวจสวนหัวใจและการขยายหลอดเลือดหัวใจ ซึ่งเป็นการรักษาหลอดเลือดหัวใจแบบไม่ผ่าตัด ที่ได้รับความนิยมและมีอันตรายน้อย โดยขยายหลอดเลือดหัวใจที่ตีบตัน เพื่อให้หัวใจกลับมาทำงานได้ตามปกติ ดังนี้
  • การสวนหัวใจและฉีดสี Coronary Artery Angiography (CAG) คือวิธีการตรวจหาความผิดปกติของหลอดเลือดหัวใจที่มีความแม่นยำสูงและมีความปลอดภัย โดยแพทย์ผู้ทำการตรวจจะฉีดสารทึบแสงเข้าหลอดเลือดแดง ที่บริเวณขาหนีบหรือข้อมือ และสอดใส่สายสวนหลอดเลือดหัวใจ ฉีดสารทึบรังสีเข้าในหลอดเลือดหัวใจทีละเส้นและบันทึกภาพด้วยเครื่องเอ็กซเรย์  ในท่าต่าง ๆ  ผลที่ได้คือภาพการเคลื่อนไหวของหัวใจและการไหลเวียนของเลือดในหลอดเลือดหัวใจ  ซึ่งจะสามารถทำให้แพทย์ทราบถึงจุดผิดปกติของหลอดเลือดหัวใจ
  • การขยายหลอดเลือดหัวใจ โดยการใช้บอลลูนและการใส่ขดลวด Percutaneous Coronary Intervention (PCI) โดยหลังจากที่แพทย์ฉีดสีดูความผิดปกติของหลอดเลือดหัวใจแล้วพบความผิดปกติการตีบตันของหลอดเลือดหัวใจ  แพทย์จะพิจารณาในการทำการขยายหลอดเลือดหัวใจ  โดยการขยายหลอดเลือดหัวใจด้วยบอลลูนผ่านหลอดเลือดแดง ร่วมกับการดามด้วยขดลวด เพื่อให้เลือดไหลไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจได้อีกครั้งหนึ่ง  หลังการขยายหลอดเลือดผู้ป่วยจะมีอาการดีขึ้น สามารถกลับไปทำงานได้ดีกว่าเดิม คุณภาพชีวิตโดยรวมจะดีขึ้น  สามารถใช้ชีวิตครอบครัวและสังคมภายนอกอย่างมีความสุขมากขึ้น
ศูนย์หัวใจกรุงเทพหัวหิน พร้อมดูแลสุขภาพหัวใจของคุณและคนที่คุณรัก ด้วยคณะแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางโรคหัวใจ เพื่อให้บริการตรวจ วินิจฉัย และการทำหัตถการรักษาผู้ป่วยโรคหัวใจและหลอดเลือด ในบรรยากาศและสถานที่ที่เหมาะสม พร้อมด้วยเครื่องมือและเทคโนโลยีที่ทันสมัย ในระดับมาตรฐานสากล ตลอดจนให้บริการบำบัดรักษาและฟื้นฟูหัวใจทั้งในผู้ใหญ่และเด็ก ชาวหัวหินและจังหวัดใกล้เคียง ท่านใดที่สนใจตรวจเช็คสุขภาพหัวใจหรือเข้ารับการรักษาโรคหัวใจและหลอดเลือด สามารถสอบถามข้อมูลได้ที่ ☎ โทร. 032-616-829 ศูนย์หัวใจกรุงเทพหัวหิน ชั้น 2 โรงพยาบาลกรุงเทพหัวหิน  ********************************************************************* ศูนย์หัวใจกรุงเทพหัวหิน โรงพยาบาลกรุงเทพหัวหิน ติดต่อ โทร. 032-616-829 | Email: [email protected]