ใครบ้าง...เสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดสมองแตก-ตีบตัน อัมพฤกษ์ อัมพาต
โรคหลอดเลือดสมองแตก-ตีบตัน อัมพฤกษ์ อัมพาต หรือที่เรียกว่า สโตรค (Stroke) นั้นเป็นสาเหตุของความพิการและการเสียชีวิตเป็นอันดับต้นๆ โรคหลอดเลือดสมองเกิดจากการที่หลอดเลือดซึ่งพาออกซิเจนไปเลี้ยงสมองอุดตัน ทำให้สมองขาดออกซิเจน และเกิดความเสียหายส่งผลกระทบต่อการพูด และการเคลื่อนไหวของร่างกาย อาจถึงขั้นเสียชีวิตได้ในกรณีที่รุนแรง นพ.ภาณุมาศ ปิยะเวชวิรัตน์ ผู้อำนวยการแผนกศัลยกรรมระบบประสาท โรงพยาบาลกรุงเทพหัวหิน กล่าวว่า ปัจจุบันผู้คนจะตื่นตัวหันมารักษาสุขภาพกันมากขึ้น แต่ส่วนใหญ่จะรู้จักการป้องกันและอันตรายของโรคต่างๆ เพียงผิวเผิน รวมถึงโรคที่นำพาความทรมานอย่างยิ่งยวดมาสู่ชีวิตอย่างโรคหลอดเลือดในสมองอุดตัน ซึ่งเป็นโรคที่ปรากฏอาการอย่างฉับพลัน ควรพาผู้ป่วยไปพบแพทย์ทันที ความพิการที่จะเกิดขึ้นจากโรคนี้ขึ้นอยู่กับระยะเวลาตั้งแต่เริ่มมีอาการจนได้รับการรักษาที่ถูกวิธีและปริมาณความเสียหายของเนื้อสมอง เนื่องจากผู้ป่วยแต่ละคนมีสาเหตุหรือปัจจัยเสี่ยงแตกต่างกัน และความผิดปกติหลอดเลือดสมองก็มีขนาดต่างๆ กัน อาการของผู้ป่วยจะขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่หลอดเลือดเกิดการตีบหรือตันในสมอง และขนาดของหลอดเลือดที่ตีบหรือตันว่าเป็นหลอดเลือดขนาดใหญ่หรือเล็ก โดยแบ่งระดับความรุนแรงของโรคเส้นเลือดในสมองอุดตันได้เป็น 3 ระดับ ดังนี้
  1. อาการน้อย ได้แก่ กลุ่มของผู้ที่มีหลอดเลือดในสมองแตก หรือตีบ หรือตัน เป็นหลอดเลือดขนาดเล็ก ยังไม่เกิดการทำลายของเซลล์สมองในบริเวณนั้น สมองขาดเลือดในช่วงระยะเวลาสั้นๆ ทำให้เกิดอาการซึ่งอาจเป็นวินาที นาที หรือชั่วโมง แต่ไม่เกิน 24 ชั่วโมง ลักษณะอาการประกอบด้วย กล้ามเนื้ออ่อนแรงไปครึ่งซีกของลำตัว โดยอาจเป็นที่แขนอย่างเดียว ขาอย่างเดียว ก็ได้ การเคลื่อนไหวช้าลง เดินเซ ที่ใบหน้าจะเห็นมุมปากตก อมน้ำไว้ในปากไม่ได้ ปากเบี้ยว พูดไม่ชัด ความจำเสื่อมชั่วขณะ คิดอะไรไม่ออก เป็นต้น
  2. อาการปานกลาง (อัมพฤกษ์)ได้แก่ กลุ่มของผู้ที่เซลล์สมองถูกทำลายไปแล้วบางส่วน แต่ไม่ทั้งหมด ภายหลังการรักษาแล้ว อาการอาจดีขึ้นเรื่อยๆ ภายใน 3-6 เดือน อาการมักจะเกิดขึ้นทันทีทันใด นอกจากกล้ามเนื้ออ่อนแรงแล้ว ผู้ป่วยอาจสูญเสียการทรงตัว มีอาการชาไปครึ่งซีก ตามองเห็นไม่ชัด หรือมืดไปข้างหนึ่ง เห็นภาพซ้อน เวียนศีรษะ พูดไม่ออก สูญเสียความทรงจำและความสามารถในด้านการคิดคำนวณ การตัดสินใจ พูดอย่างตอบอย่าง และมักมีอาการทางอารมณ์ร่วมด้วย เช่น ซึมเศร้า หรือหงุดหงิดมากกว่าปกติจากความพิการที่เกิดขึ้น
  1. อาการรุนแรง (อัมพาต) ได้แก่ กลุ่มของผู้ที่เซลล์สมองถูกทำลายโดยถาวร จะเกิดการอ่อนแรงของแขนและขา ขยับแขนหรือขาเองไม่ได้ เป็นอัมพาตครึ่งซีก สูญเสียการทรงตัว พูดไม่ได้ หรือเปล่งเสียงออกมาจากลำคอไม่ได้ กล้ามเนื้อหน้าทำงานไม่เท่ากัน หนังตาตก กลอกตาไม่ได้ กลืนอาหารลำบาก ปฏิกิริยาตอบสนองช้า สูญเสียความทรงจำ เป็นต้น
ผู้ป่วยที่เป็นอัมพฤกษ์อัมพาตจากหลอดเลือดสมองอุดตัน ที่เป็นน้อยๆ เช่นสัก 10 คน จะมีประมาณ 4 คนที่อาการจะแย่ลงมากภายในสองสามวันแรก โดยเฉพาะถ้าได้รับการรักษาผิดวิธี จะยิ่งแย่ลงไปอีก กลายเป็นทำบาป ไม่ใช่ทำบุญ ทางที่ดีควรพามาโรงพยาบาลโดยเร็วจะช่วยลดความพิการที่จะเกิดขึ้นกับผู้ป่วยได้” รู้ปัจจัยเสี่ยง เลี่ยงอัมพาต ปัจจัยเสี่ยงหลักที่ทำให้เกิดโรคหลอดเลือดในสมองอุดตัน ได้แก่
  1. โรคความดันโลหิตสูง
  2. โรคเบาหวาน
  3. โรคหัวใจ
  4. การสูบบุหรี่
ปัจจัยเสี่ยงรองลงมา ได้แก่
  1. ภาวะที่มีไขมันหรือคอเลสเทอรอลสูงในหลอดเลือด ทำให้เกิดการอุดตันของหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงสมอง ส่งผลให้เป็นอัมพาตในเวลาต่อมา
  2. ดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณสูงมากเกินไป
  3. ขาดการออกกำลังกาย เกิดภาวะเครียดและโรคอ้วน
  4. ฮอร์โมน ยังไม่พบว่าเป็นปัจจัยเสี่ยงอย่างชัดเจน ยกเว้นผู้หญิงที่รับประทานฮอร์โมนในปริมาณสูงร่วมกับมีความดันโลหิตสูงหรือสูบบุหรี่ร่วมด้วย
สำหรับกลุ่มคนที่มีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหลอดเลือดในสมองอุดตันสูงสุด ได้แก่ กลุ่มคนอายุเยอะและเป็นความดันสูง รวมทั้งผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงหลายตัวอยู่ในคนคนเดียว   ตรวจสุขภาพประจำปี และทางออกดีๆ ในการรักษา สังเกตได้ว่าปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในสังคม ส่วนมากเป็นเพราะปล่อยให้วัวหายก่อนแล้วจึงค่อยคิดล้อมคอก ทว่าปัญหาสุขภาพเป็นเรื่องส่วนบุคคลที่ทุกคนสามารถป้องกันตัวเองได้ก่อนที่จะสายเกินไป การตรวจสุขภาพประจำปี คือวิธีหนึ่งที่ดียิ่งในการป้องกันตัวเองจากโรคหลอดเลือดในสมองอุดตัน เพราะเป็นการตรวจหาปัจจัยเสี่ยง การตรวจสุขภาพประจำปีช่วยได้อย่างยิ่ง เพราะเป็นการตรวจหาปัจจัยเสี่ยง ถ้าเจอแล้วเราคุมได้ หมายความว่าเราอาจจะซื้ออนาคตที่จะไม่ให้ตัวเองเป็นอัมพาตในภายหน้าได้ โรคบางอย่างไม่มีอาการอะไรบอกเลย ฉะนั้น อย่ารอจนตัวเองเป็นหนักแล้วค่อยมาพบแพทย์ อาจจะไม่ทันการแล้ว” นายแพทย์ภาณุมาศแนะนำ นอกจากนี้ การตรวจวินิจฉัยเพื่อให้ทราบโอกาสเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดในสมองอุดตัน ยังมีอีกหลายวิธี ทั้งการตรวจเม็ดเลือดแดง เพื่อดูความเข้มข้นของเลือด การตรวจการอักเสบของหลอดเลือด การตรวจระดับน้ำตาล และไขมันในเลือด แพทย์อาจทำการตรวจเอกซเรย์สมองเพิ่มเติมในรายที่ผลการตรวจเลือดมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดในสมองอุดตัน โดยแพทย์ผู้รักษาจะเป็นผู้วินิจฉัยเลือกใช้วิธีการใดวิธีการหนึ่ง เช่น การตรวจสมองด้วยสนามแม่เหล็ก (MRI) เป็นการถ่ายภาพเอกซเรย์สมองด้วยสนามแม่เหล็กที่สามารถให้รายละเอียดของสมองได้ดีและชัดเจนมากยิ่งขึ้น โดยสามารถตรวจพบการตีบหรือตันของหลอดเลือดสมองได้ตั้งแต่ในระยะแรก และยังสามารถตรวจพบความผิดปกติของสมอง เช่น เนื้องอกในสมอง ได้ด้วย ด้วยความปรารถนาดีจาก……โรงพยาบาลกรุงเทพหัวหิน  ฉุกเฉินโทร. 032-616-888